เหตุการณ์บนกระดานหมากรุกยังคงดำเนินต่อไปอีกหลายปี แล้วเล้งก็มักจะชนะพ่อได้ในกระดานสุดท้ายเสมอๆ หลังจากที่แพ้มาตลอดในกระดานต้นๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนเดิมคือ ...............คำพูดพร่ำบ่นบนกระดาน....... ประโยคแล้ว ประโยคเล่า ประโยคเก่าๆ ความหมายเดิมๆ วนเวียนมา แล้วเวียนวนไป ซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาแค่คิดว่า พ่อบ่นได้ก็บ่นไป ส่วนตัวแล้ว ไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่ เพราะเมื่อพ่อเริ่มพูดคำแรก เล้งก็นึกไล่ไปจนจบคำสุดท้ายแล้ว ยกเว้นบางที ก็มีประโยคใหม่ๆ เริ่มแปร่งหูเข้ามาเพิ่มเติมบ้าง + กระดานนี้ อั๊วแพ้อีกแล้วอ่ะ ............ตั้งใหม่ๆ / หมากรุกแพ้ ลื้อตั้งกระดานเล่นใหม่ได้........แต่บางอย่างต้องระวัง เพราะบางอย่างมันเริ่มต้นใหม่ไม่ได้ + ป๊าบ่นอะไรของป๊า..............เอ้า..............ตาป๊าเดินแล้ว จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี และหลายปีผ่านไป เล้งก็มีโอกาสเดินหมากรุกกับพ่อ น้อยลงๆๆ พ่อมีภาระหน้าที่การงานมากขึ้น ส่วนเล้งก็มีกิจกรรมต่างๆมากมายที่ดึงเวลาไปในช่วงวัยรุ่น แล้วกาลเวลาก็ทำหน้าของมัน......แปรสภาพเด็กคนนี้ จากนักเรียน...................กลายมาเป็น...........นักศึกษา จากนักกีฬาสนาม.......... กลายมาเป็น...........นักกีฬาหมากกระดาน และสุดท้าย จากคนทำงาน...............กลายมาเป็น...........นักลงทุน ในช่วงแรกที่ก้าวเข้ามาในตลาดหุ้น เขาได้สูญเงินเป็นจำนวนมากจากการเล่นหุ้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรยากเย็น คงเหมือนกับซื้อขายสินค้าทั่วๆไป ที่เขาคุ้นเคย....ซื้อถูกมาขายแพง ตามประเพณีการค้าขาย ... แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด เขาตกอยู่ในภาวะเครียดจัดและได้ก็ปรึกษาเรื่องนี้กับคนรู้จักหลายคนๆ แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น เล้งจึงได้ระบายเรื่องนี้ให้พ่อของเขาฟัง ทั้งๆที่รู้ว่าพ่อนั้นไม่มีความรู้เรื่องหุ้นเลย /เล้ง......ทำไมลื้อวางเดิมพันกับเกมที่ตัวเองไม่ถนัดด้วยวงเงินที่สูงอย่างนั้น ตอนเด็ก...ป๊าเคยถามตอนเล่นหมากรุกว่า.......พนันกันด้วยเงินเท่าค่าขนมไปโรงเรียนไม๊ ถ้าแพ้เล้งอดค่าขนม ถ้าชนะป๊าให้สองเท่า....เล้งยังไม่ยอมเลย + ก็ตอนนั้นอั๊วรู้ว่า............กำลังเล่นกับเซียนนี่ /แล้วที่ลื้อเจออยู่นี่มันสนามแข่งหมูเหรอ...........เขาว่ามันเหมือนถ้ำเสือเชียวนา + แหมป๊า...........ไม่เข้าถ้ำเสือ แล้วจะได้ลูกเสือเหรอ / แต่ถ้าลื้อไม่รู้วิธีจับเสือ......แล้วยังไปเข้าถ้ำเสือ นอกจากไม่ได้ลูกเสือแล้ว ลื้อยังจะถูกแม่เสือคาบไปเป็นอาหารเย็นให้ลูกเสืออีกน่ะสิ / ป๊าเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับเซียนในวงการหมากรุกให้เล้งฟังละกัน แต่มันอาจไม่เหมือนกับวงการหุ้นหรอกนะ........ แต่ฝากให้ลื้อเอาไปคิดต่อเอง / ในวงการหมากรุก เซียนที่ รู้มือรู้เหลี่ยมกันดี ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเล่นกินกันเอง ยิ่งในละแวกเดียวกัน ไม่ต้องพูดถึง ใครมือระดับไหน ใครเล่นกับใครได้ เล่นกับใครไม่ได้ ในถิ่นเดียวกัน............ มันรู้ถึงกันหมด / เซียนที่เป็นนักพนันน่ะ เขาเลยต้องออกเดินสาย ไปท้าพนันกับนักเล่นต่างถิ่น เล่นไปไม่นาน ก็ต้องย้ายที่ไปเรื่อยๆ เพราะ ถ้าไปเจอหมู หลอกกินเขาได้ไม่นาน เสียบ่อยๆ เขาก็เริ่มสงสัย พอรู้ว่าเป็นเซียนมาจากที่อื่น...เขาสู้ไม่ได้... เขาก็เลิกเล่นด้วย / แต่บางที............. เซียนเดินสาย....ดันไปเจอกับ...เซียนเหยียบเซียน มีคนหนึ่งเป็นเซียน......ลักษณะที่ว่านี้.........อยู่แถวสวนพลู คนนี้เหนือมาก.... ทุกตาที่เล่น ทุกก้าวที่เดิน เขาจะเดินหมากแบบชนิดที่ว่าเรียบๆ ง่ายๆ มีแพ้บ้างชนะบ้าง สลับกันไป แต่ไม่ว่าแพ้หรือชนะ จะสูสีมาก เฉือนกันแค่ก้าวสองก้าว หลายๆกระดานออกเสมอ / คนเล่นด้วยไม่ว่าใครหน้าไหน อยู่ถิ่นเดียวกันหรือมาจากต่างถิ่น จะไม่รู้สึกเลยว่าหมอนี่เป็นเซียน แล้วจะรู้สึกเหมือนกันหมดว่า ที่ตัวเองชนะตอนแรกมาจากฝีมือตัวเอง แต่ที่แพ้ในกระดานหลังๆ มาจากที่ เดินไม่ระวัง แล้วก็เสียเดิมพันเยอะหน่อย เมื่อเทียบกับกระดานต้นๆ .. ก็แค่นั้น... ไม่เคยเสียหมดตัวแต่ก็ไม่เคยได้เงินกลับบ้าน /..........แล้วคนนี้แหละก็คือ...............คนที่สอนป๊าเล่นหมากรุก เขาบอกว่า หมากรุกมันเรียบง่าย แต่ความซับซ้อนมันอยู่ในจิตใจ บังคับหมากน่ะมันง่ายๆ .......เอามือจับหมากเดินก็จบ แต่บังคับจิตใจตัวเองนี่สิ........... ยากกว่ากันเยอะ / เขาสอนป๊าว่า............เซียนที่แท้น่ะ ไม่ได้เดินหมากบนกระดานนะ........ + ตลกแล้วป๊า ....ไม่เดินหมากบนกระดาน.......แล้วไปเดินหมากบนเสื่อเหรอ /ไม่ใช่อย่างนั้น.....เขาสอนป๊าว่า.........จะต้องเดินหมากบนหัวใจของคู่ต่อสู้ + ไม่เข้าใจอ่ะ / เดินหมากในรูปแบบ....... ที่ทำให้หมากฝ่ายตรงข้ามถูกบังคับเดิน + ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี........หมากอีกฝ่ายก็ต้องเดินได้อย่างอิสระตามใจคนเล่นไม่ใช่เหรอ / นั่นแหละๆ.....การเดินหมากที่ทำให้ฝ่ายตรงข้าม คิดว่าตัวเองเดินได้อย่างอิสระ เลือกเดิน เลือกกินตามความสมัครใจของตัวเองนี่แหละ ....ลึกซึ้งที่สุดแล้ว / เดินโดยไม่รู้ว่าถูกบังคับ........กินฝ่ายตรงข้ามโดยไม่รู้สึกว่าถูกหลอก แพ้โดยที่รู้สึกแค่ว่าตัวเองเดินไม่ระวังหรือแค่เผลอไผล และไม่รู้สึกว่าคู่แข่งที่เล่นอยู่เป็นเซียน + อือม์.............ยังไงต่อ / ก็เท่านี้แหละ......เพราะป๊าเชื่อว่า.... ลื้อกำลังตกอยู่ในสถานการณ์นี้ เล้ง เก็บเอามาคิดอยู่หลายคืน... ว่าทำไมพ่อวกมาพูดเรื่องหมากรุกอีก... ทั้งๆที่เขากำลังเครียดเรื่องหุ้น แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไร... เพราะตัวเองก็ไม่ได้คาดหวังคำแนะนำจากพ่อในเรื่องหุ้น......ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่แล้วเขาก็นำสิ่งที่พ่อพูด..................กลับมาทบทวนอีกครั้ง ควบคู่กันกับการนึกย้อนถึง.................สิ่งที่เขาพบมาในตลาดหุ้น นับตั้งแต่เริ่มต้น แล้วเขาก็พบกับ...........แสงสว่าง ................จากคำพูดของพ่อ ตอนนี้เขารู้สึกตัวแล้วว่า ...........เขากำลังตกอยู่ในวงล้อมของเซียน เขาเห็นเซียนด้านต่างๆ ตลอดเส้นทางการเล่นหุ้นของเขา เขาก้าวเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ด้วยความเชื่อที่มาจากการชี้นำของ ....เซียนด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาด.....ที่คอยสร้างภาพแห่งความโปร่งใส ..... บริสุทธิ์ ยุติธรรม ให้กับการลงทุนในตลาดหุ้น เขาอ่านงบการเงิน ที่ทำออกมาจากมือของเซียนด้านบัญชีและการเงิน ......ซึ่งแม้แต่เซียนด้วยกัน..................... บางทียังหลงกล เขาดูกราฟและใช้เครื่องมือทางเทคนิค ต่อสู้อยู่กับ เซียนด้านเทคนิค ......ที่มีความพร้อมกว่าทั้ง เครื่องมือ โปรแกรม และเทคนิคล่อลวงอันแพรวพราว เขากำลังอ่านข่าวสารและรับรู้ข้อมูลที่ปล่อยออกมาจากเซียนที่ใช้สื่อเป็นอาวุธ ......ผ่านตามสื่อต่างๆ ทั้งในรูปแบบของสื่อสารมวลชนและบทวิเคราะห์ต่างๆ เขากำลังใช้เงินทุนของตัวเองต่อสู้กับเซียนอื่นๆ ที่มีเงินทุนอันมากมายมหาศาล ที่สำคัญ........................ เขากำลังเผชิญหน้ากับเซียนทั้งหมดนี้พร้อมๆกัน และ ยิ่งไปกว่านั้น ... เซียนบางกลุ่มยังมีการร่วมมือกันในเบื้องหลังอีกด้วย โดยทั้งหมดนี้เกิดขึ้นบน กระดานหุ้นอิเลคทรอนิคส์.......อันพริ้วไหว......ที่อยู่ต่อหน้าเขานั่นเอง ซึ่งเขา........................ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลย เขาพบแล้วว่า....กระดานหุ้นนี้มันลึกซึ้งและซับซ้อนกว่ากระดานหมากรุกที่เขาคุ้น เคยนัก แต่ที่ผ่านมา.......ทำไมเขาใช้เวลาในการตัดสินใจเดินหมากในกระดานหุ้น .......รวดเร็วเหลือเกิน............ในแต่ละก้าว เขานึกย้อนกลับไปทบทวนอีกครั้งว่า......เวลาเดินหมากรุกบนกระดานเล็กๆ เขาใช้เวลาครุ่นคิดบางกระดาน นานนับชั่วโมง ทั้งๆที่ ก็ไม่ได้มีเดิมพันอะไร ..........มุ่งหวังที่ผล แพ้-ชนะ เท่านั้น......... แต่กับการตัดสินใจซื้อหุ้นเต็มวงเงินของพอร์ต เขากลับใช้เวลาคิดแค่ชั่วแล่น ทั้งๆที่ผลของมันอาจกระทบต่อฐานะทางการเงินของเขาได้อย่างมากมาย เขาสำนึกแล้วว่า.................เขาได้ประมาทต่อการเดินหมากบนกระดานนี้เพียงใด อีกนานแรมปี นับจากวันนั้น กว่าที่เขาจะสามารถปรับสมดุลของการใช้เวลา เพื่อกลั่นกรองข้อมูลสำหรับใช้ในการตัดสินใจ ตลอดจนพัฒนารูปแบบการเดินหมากบนกระดานหุ้น ให้เหมาะสมและลงตัว อย่างที่เคยทำได้ในกระดานหมากรุก เหมือนครั้งที่เป็นแชมป์กีฬามหาวิทยาลัย หลังจากทำความสะอาดกล่องหมากรุกและนำเก็บเข้าที่เดิมแล้ว เล้งได้ทบทวนอดีต.........นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆที่พ่อพยายาม ปลูก-ฝัง-เพาะ-บ่ม-อบ-รม-เคี่ยว-เข็น-ผลัก-ดัน ...................... ผ่านมาทางกระดานหมากรุก เขาซาบซึ้งแล้วว่า......... คำพร่ำบ่นบนกระดาน.......ของพ่อมีค่าแค่ไหน นึกถึงบางประโยคที่พ่อคอยเน้นย้ำ เพื่อชี้นำให้ชีวิตเขาเดินมาอย่างมีทิศทาง / หมากรุก.........จะเดินให้ชนะ......ยังต้องคิด ...หมากชีวิต.......ถ้าไม่คิด................จะเดินให้ชนะได้อย่างไร นึกถึงตอนเด็กที่เคยสงสัยว่า ทำไม พ่อถึงยอมแพ้ให้เขาในกระดานสุดท้าย นึกถึงตอนที่เขาเข้าใจสิ่งนี้ได้เอง ในอีกหลายปีต่อมา ว่าเป็น เพราะ พ่อกลัวว่าถ้าเขาแพ้ตลอด เขาจะเบื่อและอาจเลิกเล่นหมากรุกไปเลย แต่ถ้าปล่อยให้เขาชนะเรื่อยๆ มันก็ไม่มีอะไรท้าทายให้เขาเล่นต่อและจะคิดว่า ไม่มีอะไรต้องเรียนรู้จากมันอีกแล้ว นึกถึงพ่อของเขาที่ไม่เคยยึดติดกับสีของหมากอย่างที่เซียนหลายๆคนเป็น เวลาเล่นกับเขาจะเลือกใช้หมาก.....สลับสี....ไปมา บางครั้งเดินด้วยหมากสีแดง บางครั้งเดินด้วยหมากสีเขียว ดังนั้น ภาพที่ปรากฏบนกระดานหมากรุก ที่ผ่านสายตาของเขาอย่างชินตา ก็คือ ....เดี๋ยวหมากสีแดงก็ชนะหมากสีเขียว......เดี๋ยวหมากสีเขียวก็ชนะหมากสีแดง..... / เล้ง..... ตัวหมากแดงและหมากเขียวน่ะ มันไม่เคยแพ้ชนะกันเด็ดขาดหรอก เกมหมากรุกมันไม่เคยจบ ตัวหมากทั้งสองสียังคงอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่คนเล่นเท่านั้นเอง...............ที่เปลี่ยนหน้าไป บางครั้ง..........เขาเองก็ยังเคยคิดเล่นๆ ว่า...... แท้จริงแล้ว เขาเองก็เป็นหมากตัวหนึ่งบนกระดานชีวิตของพ่อ...... ที่พ่อรักและหวงแหนมาก เดินหมากตัวนี้ด้วยความระมัดระวัง หลังจากเคยสูญเสียหมากสำคัญไปครั้งหนึ่ง เล้งเพิ่งทราบความจริง ในสิ่งที่เคยสงสัย จากอาของเขาเมื่อไม่กี่ปีมานี้ สำหรับเรื่องที่พ่อของเล้งเลิกเล่นหมากรุก........แล้วมาเริ่มเล่นใหม่อีกครั้งก ับเขาเพียงคนเดียว ทำให้เขายิ่งตระหนักว่า..............พ่อรักและหวังดีกับเขาเพียงใด เพราะการ เดินหมากรุกแต่ละก้าวกับเขา มันจะทำให้พ่อต้องเจ็บปวดกับอดีตที่ผุดขึ้นมาตอกย้ำ...............แต่พ่อก็ยอม อาของเล้ง เล่าให้ฟังว่า * เฮียเขาเป็นเซียนหมากรุก สมัยก่อน ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องไปร้านกาแฟที่ปากซอย เล่นหมากรุกเอาแค่ค่ากาแฟกับปาท่องโก๋ เพราะในย่านเดียวกันไม่มีใครกล้ามาพนันเงินด้วยแล้ว * แต่มีอยู่วันหนึ่งมีเซียนต่างถิ่น มาท้าแข่ง วางเดิมพันกันด้วย มีทั้งจับวงนอก เล่นวงในอยู่หลายกลุ่มของทั้งสองฝั่ง ตกลงกันว่า......เล่นกระดานเดียว..... แล้วไม่จำกัดเวลา *เฮียเขาเองเดิมพันไม่เยอะพอสนุกๆ แต่คนอื่นที่ถือหางนี่ ทุ่มกันหนักหน่อย เพราะเห็นว่าเล่นแค่กระดานเดียว ตอนนั้นเจ็กอยู่ในร้านกาแฟด้วย ดูอยู่แค่ครึ่งชั่วโมง สักพักเจ็กก็กลับมาที่ร้านแล้วขับรถไปส่งของให้ลูกค้า * ตอนหลัง มารู้ว่า เฮียเขาเล่นติดพันอยู่สักชั่วโมงนึงได้ แล้ว อาม้าของเล้งก็มาตามให้ขับรถไปส่งของให้ลูกค้าอีกเจ้า แต่ป๊าของเล้ง เกี่ยงว่าให้รออีกเดี๋ยว .... ขอเล่นให้จบก่อน * รออีกครึ่งชั่วโมง อาม้าลื้อ ก็เดินออกไปอย่างเงียบๆ อาป๊าลื้อเลยคิดว่าคงไม่มีอะไรด่วนมาก...... เลยเดินหมากต่อด้วยความเย็นใจ แต่จริงๆแล้ว อาม้าลื้อขับรถไปส่งของเอง ทั้งๆ ที่ยังขับรถไม่แข็ง แต่เพราะต้องการจะไปเก็บเงินค่าสินค้าเดิมที่ครบกำหนดด้วย * พอดีลูกค้าเขาโทรมาอีกที บอกว่ารอได้ไม่นาน เพราะตัวเถ้าแก่กับเถ้าแกเนี้ยมีธุระด่วนกำลังจะเดินทางไปต่างจังหวัดหลายวัน อาม้าลื้อเขาห่วงว่า เดี๋ยวจะหมุนเงินในร้านไม่ทัน ก็เลยรีบไป * หลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง เด็กที่ร้านไปกระซิบที่หู บอกเฮียที่กำลังเดินหมากอยู่ว่า..... ......... อาซ้อขับรถชนกับรถหกล้อ.........ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล...... * ตอนนั้นหมากกำลังสูสี แต่เฮียเขาทิ้งกระดานกลางคันไม่ได้ เพราะนักพนันมันล้อมวงอยู่เต็มร้าน แต่แล้วอีกไม่ถึง 10 นาที....เซียนฝ่ายตรงข้ามก็รุกฆาต....แล้วเฮียเขาก็แพ้ ตอนนั้นคนในวงพนันยังไม่รู้เรื่อง บางคนยังด่าไล่หลังว่า.......ทำพวกเขาเสียเงินไปเยอะ *แล้วเฮียเขาก็รีบไปโรงพยาบาล ... แต่ไม่ทัน...... อาม้าลื้อสิ้นลมก่อน * ช่วงงานศพ วันทั้งวัน อาป๊าลื้อนั่งนิ่ง บางช่วงก็น้ำตาไหล ไม่พูดจากับใคร พึมพำอยู่แต่ว่า..............แพ้ทั้งสองกระดานๆ *แต่ก็ไม่มีใครเข้าใจนะ เพราะคนที่อยู่ในวงพนันก็ยืนยันตรงกันว่า เฮียเขาเล่นกับเซียนต่างถิ่นแค่......................................กระดานเดียว เราอาจจะมีชีวิตอยู่ในวันนี้................................... ด้วยความหวังของวันพรุ่งนี้ แต่จะไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ............................... ท่ามกลางการแข่งขันในสังคม ..................................... Pantip Theater…………………………………… ขอขอบคุณท่านผู้ชมทุกท่าน.............. ........โปรดปรับสายตาให้ชินกับความสว่างก่อนเดินออกจากโรงภาพยนตร์........ ขออวยพรให้ท่านประสบความสำเร็จกับการเดินหมากในกระดานชีวิตของท่าน ...............................แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า....................... ............................................สวัสดี.......................... http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,18296.0.html |
วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552
*****หมากชีวิต***** (นิทานปรัชญาชีวิต) 2
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น